โรคเชื้อราพันธุ์ใหม่ในยาง กระทบพื้นที่ นราธิวาส-ตรัง
นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร
(สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคใบร่วงในยางพารา
ในเขตพื้นที่ปลูกยางพาราภาคใต้ตอนล่างของประเทศว่า การยางแห่งประเทศไทยได้ชี้แจงถึงลักษณะอาการที่ปรากฏบนใบยางพารา
ซึ่งจะมีลักษณะเดียวกันกับการรายงานของประเทศสมาชิกสภาวิจัยและพัฒนายางระหว่างประเทศ
หรือ IRRDB (อินโดนีเซีย มาเลเซีย และศรีลังกา) คือ
เป็นลักษณะอาการใบร่วงที่เกิดจากเชื้อรา Pestalotiopsis sp. ส่งผลกระทบต่อการเจริญเติบโต
และผลผลิตของน้ำยาง ทำให้ผลผลิตลดลงกว่าร้อยละ 30 - 50 โดยส่วนใหญ่จะพบในพันธุ์ยาง
RRIM 600 พันธุ์ RRIT 251 และพันธุ์ PB
311
จากสถานการณ์ดังกล่าว สศก. โดยสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่
9 จังหวัดสงขลา ได้ลงพื้นที่เพื่อร่วมติดตาม ตรวจสอบและประเมินสถานการณ์ พบว่า
ขณะนี้มีการระบาดของโรคดังกล่าว ในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส และจังหวัดตรัง รวม
365,883 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 17
ของเนื้อที่กรีดได้ (ณ วันที่ 4 พฤศจิกายน 2562) แบ่งเป็น
จังหวัดนราธิวาส 12 อำเภอ ได้แก่
อำเภอเมือง ยี่งอ รือเสาะ เจาะไอร้อง จะแนะ สุคิริน แว้ง ระแงะ สุไหงปาดี
สุไหงโก-ลก ศรีสาคร และตากใบ รวมพื้นที่ 365,483 ไร่ ส่วนจังหวัดตรัง พบการระบาดเฉพาะพื้นที่อำเภอเมืองตรัง
รวม 400 ไร่
หากวิเคราะห์ถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจจากสถานการณ์โรคระบาดในยางพาราของจังหวัดนราธิวาสและตรัง
พบว่า จำนวนพื้นที่ระบาด 365,883 ไร่ของทั้ง 2
จังหวัด จะคิดเป็นปริมาณผลผลิตทั้งปี รวม 93,305 ตัน ซึ่งหากผลผลิตลดลง
ร้อยละ 30 - 50 ในช่วงเดือนพฤศจิกายน - ธันวาคม 2562 จะส่งผลให้เกษตรกรสูญเสียรายได้ในภาพรวม
คิดเป็นมูลค่า 253 - 423 ล้านบาท หรือ เฉลี่ยเดือนละ 126 – 211 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม หากไม่สามารถควบคุมและป้องกันการระบาดของโรคได้
จะทำให้ผลผลิตของ 2 จังหวัด ได้รับผลกระทบจากผลผลิตลดลงทั้งปี 2563 ประมาณ 27,991 - 46,652 ตัน
และอาจส่งผลให้เกษตรกรสูญเสียรายได้ในภาพรวม คิดเป็นมูลค่า 1,255 - 2,093 ล้านบาทต่อปี หรือ เฉลี่ยเดือนละ 104 -
174 ล้านบาท
ผลกระทบทางเศรษฐกิจในพื้นที่ระบาดของโรคใบร่วงในยางพารา
ที่มา : จากการคำนวณของศูนย์ปฏิบัติการเศรษฐกิจการเกษตร
เลขาธิการ
สศก. กล่าวทิ้งท้ายว่า การเฝ้าระวังและควบคุมการระบาดเป็นสิ่งสำคัญในขณะนี้
ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้สั่งการให้การยางแห่งประเทศไทย
กรมส่งเสริมการเกษตร และกรมวิชาการเกษตรเฝ้าระวัง พร้อมจัดทำคำแนะนำการป้องกันการระบาดของโรคใบร่วงยางพาราเพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินการในพื้นที่
และให้เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่างออกสำรวจ ติดตามพื้นที่การระบาด พร้อมให้คำแนะนำ
ป้องกัน ให้ความรู้ พร้อมรายงานข้อมูลให้รับทราบต่อเนื่อง นอกจากนี้
การยางแห่งประเทศและกรมวิชาการ ได้มีการนำร่องทดสอบการใช้โดรนพ่นสารกำจัดเชื้อราเพื่อยับยั้งการแพร่กระจายของโรคใบร่วงดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม เนื่องจาก เชื้อรา Pestalotiopsis sp. แพร่ระบาดโดยลมและฝน จึงค่อนข้างยากต่อการป้องกันและควบคุม
ดังนั้น ขอให้เกษตรกรระมัดระวังหรืองดการเคลื่อนย้ายวัสดุปลูกและใบยางพาราโดยเฉพาะจากพื้นที่ชายแดนภาคใต้ไปสู่พื้นที่อื่น
และสำหรับต้นยางพาราที่พบว่าเป็นโรคใบร่วงระยะรุนแรง
ให้เกษตรกรใช้สารเคมีโดยวิธีฉีดพ่นลงดินด้วยสาร thiophanate methyl และพ่นทรงพุ่มยางด้วยสาร benomyl, hexaconazole, thiophanate
methyl, triadimefon และ difenoconazole เพื่อกำจัดเชื้อ
รวมทั้งบริหารจัดการพื้นที่ป้องกันการระบาดเพิ่ม โดยกันพื้นที่เป็นแนวป้องกัน (Buffer
Zone) ทั้งนี้ สศก.
จะร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ติดตามสถานการณ์และเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ เพื่อเตือนภัยอย่างเต็มที่ ซึ่งหากเกษตรกรพบข้อสงสัยว่าจะมีการระบาดของโรคในพื้นที่
หรือต้องการสอบถามข้อมูลรายละเอียดการระบาดและคำแนะนำสามารถสอบถามได้ที่สำนักงานการยางแห่งประเทศไทยในจังหวัดที่ท่านทำสวนยางอยู่
***********************************
ข่าว : ส่วนประชาสัมพันธ์ / ข้อมูล : ศูนย์ปฏิบัติการเศรษฐกิจการเกษตร และ สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 9
จังหวัดสงขลา